การวิจัยสมุทรศาสตร์ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย SPOT Trace
ศาสตราจารย์ Tamay Ozgokmen ประจำภาควิชาสมุทรศาสตร์ มหาวิทยาลัยไมอามี Rosenstiel School of Marine and Atmospheric Science ทำหน้าที่สอนในหลักสูตรพลศาสตร์ของไหล (Fluid Dynamics) และความปั่นป่วน (Turbulence) รวมถึงเป็นที่ปรึกษาให้กับนักศึกษาระดับปริญญาเอก นักวิจัยหลังปริญญาเอก และทีมนักวิจัยในโครงการต่าง ๆ
ศาสตราจารย์ Tamay และนักศึกษาของเขาได้พัฒนาทุ่นตรวจวัดกระแสน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีคุณสมบัติไม่เป็นพิษและสามารถย่อยสลายได้ ซึ่งได้รับสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกา ทุ่นเหล่านี้ถูกใช้ในการวิจัยของมหาวิทยาลัย และจำหน่ายให้กับองค์กรอื่นที่ต้องการใช้งานเช่นกัน
ความท้าทาย
เป้าหมายของโครงการคือการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการไหลของน้ำทะเล และวิเคราะห์ผลกระทบต่อการขนส่งข้ามมหาสมุทร ก่อนหน้านี้ ศาสตราจารย์ Tamay เคยเป็นผู้นำการวิจัยในอ่าวเม็กซิโกเพื่อศึกษาผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วของ BP ในโครงการล่าสุดที่ได้รับทุนจากกองทัพเรือสหรัฐ (U.S. Navy) มหาวิทยาลัยได้ปล่อยทุ่นกว่า 300 ลูกลงในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เนื่องจากทุ่นเหล่านี้ไม่สามารถเก็บกลับมาได้ มหาวิทยาลัยจึงต้องการโซลูชันการติดตามที่มีต้นทุนต่ำ ให้ข้อมูลที่แม่นยำ และสามารถใช้งานได้ในทุกพื้นที่ทั่วโลก
โซลูชัน
ศาสตราจารย์ Tamay เคยร่วมงานกับ Globalstar ตั้งแต่ปี 2012 จึงติดต่อกลับมาอีกครั้งเพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในโครงการใหม่นี้ ทีมวิจัยต้องการอุปกรณ์ติดตามผ่านดาวเทียมที่ใช้งานง่าย ราคาประหยัด และสามารถส่งข้อมูลพิกัดได้ในปริมาณมากและต่อเนื่อง
SPOT Trace จึงเป็นคำตอบที่ลงตัวสำหรับโครงการครั้งนี้
ผลลัพธ์
หลังจากที่ทุ่นถูกปล่อยลงทะเล ทีมวิจัยใช้ระบบแผนที่ของ Globalstar เพื่อติดตามตำแหน่งและเก็บข้อมูลในแบบเรียลไทม์ อุปกรณ์ SPOT Trace สามารถส่งข้อมูลพิกัด GPS ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ เช่น โครงสร้างของความเค็ม กระแสลม Mistral สภาพผิวน้ำและใต้ผิวน้ำ ที่ส่งผลต่อพลวัตของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับความเค็มของน้ำ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์โซนาร์ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากโครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกองทัพเรือสหรัฐ และองค์กรระหว่างประเทศอย่าง NATO